Top Yell - The Cool
ความรักที่หนักหนาเกินไปของชิดะ
วาตานาเบะตอบสนองยังไงบ้างนะ?
ก็เกี่ยวกับความสนิทกันนะครับ ในส่วนของเคยากิซากะ46 แล้ว ทางเราคิดว่าพวกคุณน่าจะเหมาะสมในการย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องในปี 2016 ที่ผ่านมา นี่ทั้งคู่สนใจกันและกันมาตั้งแต่ออดิชั่นเลยรึเปล่าครับ?
ชิดะ : ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยค่ะ ขนาดตอนนั้นอยู่ข้างๆกันยังไม่รู้เลย(ฮา)
วาตานาเบะ : ฮุๆๆๆๆ ตอนถ่ายรูปรวมก็อยู่ข้างๆกันแหละค่ะ แต่ไม่คุยอะไรกันเลยซักนิด
มีความกดดันด้วยไหมครับ?
ชิดะ : ไม่รู้ว่าไปคุยได้ไหมอะค่ะ(ฮา)
วาตานาเบะ : เนอะ(ฮา)
เกี่ยวกับเรื่องที่เข้าวงมาแล้วสนิทกับเมมเบอร์มากขึ้น มีเรื่องอะไรน่าสงสัยบ้างไหมครับ?
ชิดะ : คิดว่าเรื่องกิจกรรมของวงนี่มันน่าจะมีเขม่นกันบ้าง ตอนแรกเลยไม่คิดจะเปิดใจสนิทกับใครเลยค่ะ
วาตานาเบะ : ฉันคิดว่าถ้าปล่อยไปพักนึงน่าจะสนิทกันได้น่ะค่ะ
งั้นช่วยบอกสาเหตุที่ทั้งคู่มาสนิทกันด้วยครับ
วาตานาเบะ : เรื่องที่อยู่ตำแหน่งข้างกันใน Silent Majority น่าจะมีผลเยอะเลยค่ะ เวลาซ้อมก็ต้องมาเช็คท่าเต้นกับมานากะบ่อยๆ เพราะแบบนั้นเลยเริ่มจะคุยกันได้มากขึ้นค่ะ
ชิดะซัง ตามนั้นใช่ไหมครับ?
ชิดะ : ค่ะ(ฮา)
ตอนแรกทั้งคู่ติดภาพแบบไหนของอีกฝ่ายครับ
ชิดะ : ไม่มีภาพอะไรเลย(ฮา)
วาตานาเบะ : ฉันว่าเธอน่ารักมากเลยนะ ทั้งขาวทั้งผอม แต่ดูสนิทด้วยยากอะ นึกว่านิสัยไปกันคนละแนวกับฉันซะอีก
ชิดะ : ตั้งแต่เข้าเคยากิซากะ46 มา ก็แอบรู้สึกว่าตัวเองไปแนวหยิ่งนิดหน่อยแหละค่ะ เป็นพวกพูดตรงไม่อ้อมค้อม คงเพราะงั้นเลยทำให้โดนคิดว่าสนิทด้วยยากแหละค่ะ ที่มาสนิทกันได้เพราะริสะก็เป็นพวกไม่อ้อมเหมือนกันเลยปะทะกันบ่อยอยู่(ฮา)
วาตานาเบะ : ไม่ได้ทะเลาะกันนะคะ(ฮา)
งั้นตอนที่โดนเรียกว่า ‘เดอะคูล’ ในรายการ ก็เป็นตอนก่อนจะสนิทกันสินะครับ
วาตานาเบะ : ตอนนั้นถึงขนาดคิดว่าทำไมต้องเป็นเรา 2 คนด้วยเนี่ย เลยล่ะค่ะ
ชิดะ : ในรายการจะโดนจับให้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ แต่พอเวลาไพรเวทนี่แทบไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยค่ะ
แล้วโดนจับคู่กับเด็กที่ไม่สนิทกันซะขนาดนั้น มีความรู้สึกว่า ‘ไม่เป็นตามที่คิด’ หรือ ‘ไม่รู้จะว่าไง’ บ้างไหมครับ?
ชิดะ : ไม่ได้คิดว่า ‘เดอะคูล’ จะมีมาจนถึงป่านนี้น่ะค่ะ
วาตานาเบะ : ใช่ๆๆ เพราะงั้นเลยไม่ได้มีความรู้สึกว่า ‘แย่จัง’ อะไรแบบนั้นเลย
ทั้งสองคนนี่ต่อให้อยู่ในห้องแต่งตัวก็อยู่ด้วยกันบ่อยเหรอครับ?
ชิดะ : อยู่ข้างๆกันแบบเงียบๆนะคะ
วาตานาเบะ : ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เนอะ
ชิดะ : ต่างฝ่ายต่างทำเรื่องที่ตัวเองชอบแหละค่ะ แต่ยังไงก็จะนั่งใกล้ๆกันอยู่ดี
วาตานาเบะ : ไม่ต้องแคร์กันก็ไม่เป็นไรอะค่ะ
ดูเหมือนก่อนเข้าเคยากิซากะ46 ชิดะซังจะเข้าหาชาวบ้านไม่ค่อยเก่งสินะครับ
ชิดะ : แต่ริสะเข้าหาง่ายนะคะ จะว่าไม่ใช่พวกจู่ๆก็มาทำตัวเย็นชาใส่หรือว่าไงดี ประมาณว่าไม่ค่อยมีคลื่นอารมณ์น่ะค่ะ
อ๋อ ไม่ชอบคนที่มีคลื่นอารมณ์สินะครับ
ชิดะ : แนวว่าสนิทกันมากแท้ๆ แต่จู่ๆพอเจอกันอีกวันดันมาทำตัวเย็นชาใส่ ไม่เอาแบบนั้นจะสบายกว่าค่ะ
วาตานาเบะซังนี่จะว่าไม่สมเป็นเด็กผู้หญิงในความหมายที่ดีหรือว่าไงดี… ค่อนข้างห้าวเลยนะครับ
วาตานาเบะ : โดนพูดแบบนั้นใส่บ่อยอยู่นะคะ
งั้น ข้อดีของชิดะซังที่วาตานาเบะซังคิดคืออะไรเหรอครับ?
วาตานาเบะ : ฉันก็ชอบแนวไม่ต้องแคร์ต้องคุยกันเหมือนกัน กับมานากะนี่น่าจะมีบางจุดที่เหมือนกันอยู่นะคะ
ชิดะ : ชอบที่ริสะไม่ค่อยเข้ามายุ่งจนเกินพอดีด้วยอะ ไม่ได้เป็นพวกอยากรู้ไปทุกเรื่อง แบบนั้นแหละที่ทำให้ดีใจมากเลย(ฮา)
คงเพราะเข้าใจกันดีอยู่แล้วเลยไม่ต้องล้ำเส้นเข้าไปขนาดนั้นล่ะมั้งครับ ตอน Silent Majority ที่มาอยู่ข้างๆกัน ทั้งคู่ได้คิดวิธีแสดงออกกันบ้างไหมครับ?
ชิดะ : คิดค่ะ
วาตานาเบะ : วิธีแสดงออกอะไรนั่นไม่ได้คิดเลย
ชิดะ : มันมองไม่เห็นรอบๆด้วย แถมยังต่างกับความรู้สึกที่ว่า ‘จะทำให้ดู’ อยู่นิดหน่อยด้วย
แล้วตอนซิง 2 เปลี่ยนไปไหมครับ?
ชิดะ : เปลี่ยนไปพอควรเลยเนอะ?
วาตานาเบะ : อืม เปลี่ยนค่ะ
รู้สึกว่าที่ได้ขึ้นมาแถวหน้าก็มีผลใหญ่เหมือนกันนะครับ
วาตานาเบะ : นั่นสินะคะ ทั้งความคิดการแสดงออก รู้สึกว่าจะต่างกับตอนซิงแรกนะคะ
ชิดะ : เมมเบอร์คนอื่นก็มีความรู้สึกว่า ‘จะทำให้ดู’ มากกว่าที่คิดอีก ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ก็จะโดนทิ้งไว้ข้างหลัง เลยรู้สึกว่าฉันเองก็ ‘ต้องทำแล้วล่ะ’ น่ะค่ะ
ตอนแรกที่ต้องยืนเป็นแถวหน้า มีความรู้สึกว่าต้องขอโทษอะไรไหมครับ
ชิดะ : มายืนแถวหน้าแบบนี้ขอโทษนะคะ ตอนนั้นคิดแบบนั้นค่ะ
ชิดะซังโดนสุซุโมโต้ซังมาชวนคุยแล้วเปลี่ยนไปเหรอ?
วาตานาเบะ : ตอนถ่าย MV เพลง Kataru nara Mirai wo ใช่มะ?
ชิดะ : ตอนที่นางมาบอกว่า ‘ดีมากเลยนะ’ นั่นดีใจมากเลยค่ะ แล้วก็เทจิด้วยนะ
วาตานาเบะ : อ๋ออออ นั่นสินะ
ว่าไงครับ?
วาตานาเบะ : เมมเบอร์แถวหน้าต้องถ่ายฉากเต้นหน้ากล้องทีละคนน่ะค่ะ แต่เพิ่งเจอเป็นครั้งแรกเลยไม่รู้อะไรเป็นอะไร ตอนนั้นอิไมซุมิทำออกมาดีมากจนรู้สึกว่าจะทำไงดี ก็… แบบว่า… ร้องไห้เลยค่ะ (ฮา)
ร้องเหรอครับ?
วาตานาเบะ : ตอนนั้นฮิราเตะเข้ามาบอกว่า ‘ไม่เป็นไรหรอก’ เลยรู้สึกโล่งขึ้นมาหน่อยๆน่ะค่ะ
ก่อนเข้าเคยากิ เคยร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นไหมครับ?
วาตานาเบะ : ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นนี่ไม่โอเคสุดๆเลยค่ะ ตอนถ่าย MV ก็ไปร้องแอบๆค่ะ
จาก MV เพลง Kataru nara Mirai wo ก็เริ่มจะมาคิดเรื่องการแสดงออกกับท่าทางบ้างแล้วสินะครับ ไปศึกษาอะไรมาบ้างเหรอครับ?
ชิดะ : ก่อนอื่นก็รู้สึกว่าต้องทำความเข้าใจเนื้อเพลงก่อน เลยอ่านมันแต่เนื้อเพลงเลยค่ะ
วาตานาเบะ : ตอนถ่าย MV เพลง Sekai ni wa Ai shika nai ก็ออกมาไม่โอเค เลยรู้สึกว่าในไลฟ์ต้องทำให้อ่อนกว่านี้อีกค่ะ
ตอนเก็บข้อมูลช่วงเดือนกุมภา ดูเหมือนชิดะซังจะไปถามวาตานาเบะซังเรื่องหน้าตาตัวเองซะหลายรอบเลยรึเปล่านะ
ชิดะ : อาาาาา พูดบ่อยเลยเนอะ
วาตานาเบะ : รู้สึกน้อยกว่าเมื่อก่อนนะคะ
ชิดะ : ช่วงนั้นหนักมากนะ
วาตานาเบะ : ‘หน้าม้าปัดทางไหนดี’ ไรงี้ ตื้อหนักมากเลย(ฮา)
แล้วตอนนี้สภาพหน้าโอเคแล้วเหรอครับ?
ชิดะ : ไม่ค่ะ แต่รู้สึกว่าบ้าบอกับตรงนั้นมากไปเลยโยนงานให้ช่างแต่งหน้าไปเลย(ฮา)
ตอนเก็บข้อมูลนั่นรู้สึกชิดะซังจะบอกว่า ‘ริสะไม่โกหกดี’ นะครับ
ชิดะ , วาตานาเบะ : มองหน้ากันแล้วหัวเราะ
ไม่ใช่ความรู้สึกว่าจะชมกันเองว่า ‘น่ารัก’ สินะครับ
ชิดะ : ไม่มียอกันเกินความจริงแน่นอน!
วาตานาเบะ : ไม่ถนัดการทำตัวให้สมเป็นเด็กผู้หญิงจ๋าเลยค่ะ
ชิดะ : ถ้าโดนชมว่า ‘น่ารักนะ’ ฉันจะตัดบทไปว่า ‘ช่างมันเหอะ’ แน่ค่ะ
แต่หลังๆนี่พอมองทั้งคู่แล้ว รู้สึกว่าความรักจากชิดะซังจะหนักหน่วงพอตัวเลยนะครับ
ชิดะ , วาตานาเบะ : ขำลั่น
ชิดะ : ใช่...เหรอคะ
วาตานาเบะ : แต่หลังๆนี่เบาลงแล้วนะ เคยมีช่วงนึงที่ความรู้สึกของเธอมันเข้มข้นไปจนแทบจะเลยฉันไปไกลเลยแหละ
ชิดะ : ความรักจากฉันมันเข้มไปจนผ่านริสะไปแล้วค่ะ(ฮา) แย่เนอะ
วาตานาเบะ : อืม
เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?
ชิดะ : ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันค่ะ แต่ก็นั่งดูรูปอยู่คนเดียวแล้วแหกปาก ‘ริสะ~’ แบบขึ้นเสียงสูงอะไรแบบนั้น
ฮ่าๆๆ สุดยอดเลยนะครับนั่น
วาตานาเบะ : มานากะเนี่ยเซฟรูปฉันต่อหน้าต่อตาเลยก็มีค่ะ
ชิดะ : แบบ ‘ดูนี่ดิ~’ อะไรแบบนั้น
วาตานาเบะ : เอามาให้ดูฉันก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันเลยได้แต่พูดว่า ‘พอเลยนะ~’ น่ะค่ะ
ชิดะ : มีช่วงนึงฉันรับรูปริสะด้วยนะคะ
เอ๋…
วาตานาเบะ : น่ากลัวใช่ไหมล่ะคะ
ชิดะ : ตอนได้รูปของซิง Silent Majority มา ก็มีการไปบอก ‘ขอลายเซ็นด้วยค่ะ’ เลยนะคะ(ฮา)
วาตานาเบะ : อา… เขียนให้ด้วยนะ
ชิดะ : เอารูปโพลาลอยด์ที่เหลือจากการถ่ายนิตยสารมาแปะไว้ที่บ้านด้วยนะคะ
วาตานาเบะ : จู่ๆก็เป็นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลยด้วย
ชิดะ : คงเพราะมีช่วงที่ไม่ได้เจอกันยาวๆด้วยแหละค่ะ
จะบอกว่าช่วงที่ไม่ได้เจอกันความรักก็พองโตขึ้นเหรอครับ
ชิดะ : ถึงจะบอกว่าไม่ได้เจอกัน แต่ก็แค่ประมาณ 2-3 วันเองแหละค่ะ ช่วงนั้นตอนดูรูปก็รู้สึกว่า ‘ชอบมากเลยนะเนี่ย’ ตอนเจอกันก็เลยบอกความรู้สึกไปค่ะ
วาตานาเบะ : ฉันก็บอกไปนะคะ ‘หนักไปละ’ น่ะค่ะ(ฮา)
ชิดะ : แต่ริสะก็ไม่ตีตัวออกห่างนะคะ
ได้ใจซะงั้น
ชิดะ : ค่ะ
แต่ตอนนี้ก็เพลาลงแล้วสินะครับ
วาตานาเบะ : ตอนนี้อยู่ระหว่างทำใจยอมรับค่ะ(ฮา)
เคยคิดว่าการที่สีสันของคู่พวกคุณเข้มเกินไปก็ไม่ดีบ้างไหมครับ?
ชิดะ , วาตานาเบะ : (พร้อมกัน)ไม่ค่ะ
ไม่มีเบื่อกันบ้างเหรอครับ?
ชิดะ : เราไม่ได้สวมหน้ากากเป็นเดอะคูลอยู่นี่คะ(ฮา)
วาตานาเบะ : ที่เราอยู่กัน 2 คนมันก็เป็นธรรมชาติไปแล้ว ไม่เบื่อหรอกค่ะ
แล้วตอนละคร ‘ใครฆ่าโทคุยามะ ไดโกโร่’ ทั้งสองคนเป็นยังไงบ้างครับ?
ชิดะ : ระหว่างถ่ายทำ ตามบทแล้วเราอยู่คนละกลุ่ม เลยไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ๆกันหรอกค่ะ แต่ในห้องแต่งตัวยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี
วาตานาเบะ : ที่นั่งเขากำหนดไว้แล้วน่ะค่ะ
ชิดะ : ไปนั่งที่มุมโต๊ะกันอยู่สองคนแหละค่ะ
ชอบซุกมุมเหรอครับ?
ชิดะ : ชอบที่ใกล้ๆประตูที่ออกไปได้ทันทีค่ะ
ก่อนหน้านี้ในบทสัมภาษณ์ เหมือนจะพูดเรื่อง ‘ที่นั่งหลังสุดในรถบัส’ รึเปล่านะครับ?
วาตานาเบะ : อันนั้นคือแค่ขาไปค่ะ
ชิดะ : ขากลับเพื่อจะให้ลงได้เลยก็จะนั่งตรงประตูค่ะ(ฮา)
ความยึดติดเรื่องที่นั่งนี่สุดยอดไปเลยนะครับ! ในโทคุยามะ ไดโกโร่ เนี่ย รู้สึกว่าบางจุดในบทจะเป็นการแสดงเป็นตัวเองกันด้วย คงมีส่วนที่เล่นง่ายอยู่ด้วยสินะครับ
วาตานาเบะ : ก็ใช่นะคะ
ชิดะ : บทริสะนี่ฉันอยากลองเล่นที่สุดแล้ว
วาตานาเบะ : เอ๋~
ชิดะ : ชุดก็น่ารัก ต่างหูก็น่าอิจฉา เอาเป็นว่าโคตรเท่เลยล่ะ
เล่นละครดูแล้วได้พัฒนาขึ้นบ้างไหมครับ?
วาตานาเบะ : ‘ทักทายให้เรียบร้อย’ บ้าง ‘รีบๆทำงาน’ บ้าง ได้รู้ว่าการทำงานอย่างเอาจริงเอาจังมันสำคัญมากเลยล่ะค่ะ
เคยคิดอยากจะมุ่งสายนักแสดงหญิงบ้างไหมครับ?
ชิดะ : ช่วงนี้ก็รู้สึกอยากลองดูเหมือนกัน
วาตานาเบะ : งั้นเหรอ!
ชิดะ : เมื่อวานไปดูหนังเรื่อง ‘Odoreru Knife’ มา โคมัตสึ ฮารุนะซังแสดงเก่งมากเลยล่ะ อยากจะแสดงให้ได้แบบนั้นเลย
ผมว่ามีทางไปอยู่นะครับ ทั้งสองคนเหมาะกับบทในเรื่องประมาณพวก ‘นางฟ้าอเวจี’ นะครับ
วาตานาเบะ : (หัวเราะ)
ชิดะ : ถ้าไหนๆก็จะแสดงแล้วก็อยากแสดงบทแปลกๆนะคะ
คิดว่าตัวเองแปลกไหมล่ะครับ?
ชิดะ : อืม… ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องตัวเองน่ะค่ะ
อย่างเวลาโดนแฟนๆพูดว่า ‘มานากะก็งี้แหละ’ อะไรแบบนี้ ไม่รู้บ้างเหรอครับ?
ชิดะ : ไม่ใช่จากมุมมองของคนอื่น ต้องเป็นด้านที่ตัวเองคิดว่าเป็นแบบนี้แล้วจริงๆน่ะค่ะ งงปะ?
วาตานาเบะ : อืม
ชิดะ : นอกจากนี้ถ้ามีคนมากำหนดอะไรให้จะเผลอคิดว่า ‘นี่คุณเป็นใคร(วะ)คะ?’ เอาเนี่ยสิ(ฮา)
วาตานาเบะ : เราก็ไม่ได้เป็นแบบที่ว่ามาซะหน่อย ฉันเกลียดการโดนกำหนดให้ยึดติดกับด้านใดด้านหนึ่งน่ะค่ะ(สายตาจริงจัง)
ชิดะ : ฮ่าๆๆๆ
วาตานาเบะ : เผลอตอบแบบจริงจังซะงั้น
ในซิงที่ 3 ทั้งคู่กลับไปเป็นแถว 2 อีกครั้ง ทุกครั้งที่ตำแหน่งเปลี่ยนก็คงจะมีเรื่องให้คิดสินะครับ
วาตานาเบะ : ไม่ใช่อารมณ์เจ็บใจนะคะ มองจากรอบๆอาจจะโดนคิดว่าอันดับตกลง แต่ฉันไม่ได้รู้สึกแบบนั้น คิดว่าอยากจะใช้สิ่งที่รู้จากซิงที่ 2 มาปรับใช้ที่แถว 2 นี้ค่ะ
ชิดะ : ไม่อยากให้มาพูดเป็นคำๆ ว่าขึ้นหรือลง แต่อยากให้แฟนๆมองที่ภาพรวมทั้งหมดค่ะ คิดว่าถ้าภาพรวมนี่ฉันเปลี่ยนไปในทางที่ดีนะคะ
ด้วยการให้ติดเซ็มบัตสึทั้งหมด ผมคิดว่ามันทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 21 คนลึกซึ้งลงไปอีกนะครับ ต่อไปก็หวังให้เป็นเซ็มบัตสึทั้งหมดอยู่อีกรึเปล่าครับ?
ชิดะ : ด้วยความเป็น 21 คน ถ้ามีใครหยุดไปตำแหน่งนั้นก็จะว่างนะคะ แค่นั้นก็จะรู้สึกว่าเราไม่มีพลังพอจะไปทดแทนได้แล้ว เพราะงั้นก็อยากจะให้เป็น 21 คนแบบนี้ต่อไปค่ะ
ช่วยบอกเรื่องที่อยากลองทำในปี 2017 ด้วยครับ
ชิดะ : อยากออกเทศกาลดนตรีร็อคตอนหน้าร้อนค่ะ โดยเฉพาะ ROCK IN JAPAN FESTIVAL เนี่ยคืออยากออกมากเลย! โดยส่วนตัวแล้วอยากทำช่วงรายงานหลังเวทีนั้นด้วยค่ะ
วาตานาเบะ : อยากจะให้เป็นปีที่มีคนอีกมากเท่าที่จะมากได้รู้จักเคยากิซากะ46 ค่ะ เพื่อการนั้นก็อยากไปออกไลฟ์ตามท้องถิ่นต่างๆให้มากขึ้นด้วย แล้วซักวันก็อยากจะทำงานเกี่ยวกับเสื้อผ้าค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น